interview of Andrew

tinah

sarNie Coma
credit to drea @ tv3 webboard



วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2549

เปิดโลกส่วนตัว แอนดริว เกร้กสัน

ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดละครครั้งแรก แถมยังควบหน้าที่พระเอกของเรื่อง "สะดุดรัก" ด้วย เพียงแค่ละครออกอากาศไปไม่กี่ตอน ก็ทำเอาแฟนละครติดกันงอมแงม จนหลายคนลงความเห็นตรงกันว่า แอนดริว เกร้กสัน หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ คนนี้ผ่านบททดสอบของการผันตัวเองมาทำงานในอีกบทบาทไปได้อย่างฉลุย


ความรู้สึกของหนุ่มแอนดริวที่วันนี้กลายเป็นผู้จัดอายุน้อยที่สุด ด้วยวัย 27 ปี อย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะก่อนหน้านี้กิตติศัพท์ความเป็นหนุ่มเก็บเนื้อเก็บตัวลือกระฉ่อน จะเป็นอย่างไร รวมไปถึงหลากหลายเรื่องราวทั้งชีวิต ความรัก ที่หลายคนอยากรู้ "คม ชัด ลึก" ไม่รอช้าคว้าตัวมาพูดคุยกัน


งานเบื้องหลัง

ละครมีกระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง

ถ้าไม่ได้นับคนรอบข้าง นับจากเวลาไปเดินเจอคนทั่วไปๆ ส่วนใหญ่เขาบอกว่าดี

รู้สึกอย่างไร

รู้สึกดี ดีใจคนดูละครแล้วชอบ ตอนทำเราไม่ได้คาดหวัง คิดอย่างเดียวว่าทำให้เต็มที่ พอออกมาคนแค่เริ่มดู เราก็รู้สึกดีแล้ว เรื่องมันคงมีอะไรให้เขาตามดูได้ เลยดู เราก็ดีใจ

มีนักแสดงออกมาให้สัมภาษณ์ชื่นชมแอนดริวด้วย

(หัวเราะ) รู้สึกขอบคุณ เพราะตอนถ่ายเหนื่อย ผมรู้ ผมทำงานหนัก เขาต้องทำงานกันหลายรอบ เปลี่ยนผู้กำกับไปคนหนึ่ง

ละครออกอากาศได้ดูทุกตอนไหม

ไม่ ไม่ได้ดูตอนออกอากาศทุกตอน แต่ได้ดูในห้องตัดต่อแล้ว คือตัดต่อเยอะ อยู่กับมันเยอะ จำได้ทุกตอน ว่าเป็นยังไง เลยไม่อยากดูตอนออกทีวี รอฟังฟีดแบ็คอย่างเดียว ก็มีบางฉากที่โดนเซ็นเซอร์ แต่ว่าเราก็จะทำให้คนดูดูรู้เรื่อง คนดูจะไม่รู้ว่าถูกตัด แต่ตัวผมรู้ ซึ่งก็เข้าใจว่าเขาเซ็นเซอร์เพราะไม่อยากให้เห็นความรุนแรงหรือคำหยาบ แม้ว่าจริงๆเราก็ปูเรื่องไว้ และจะมีคำตอบในตอนต่อๆ ไป

เห็นว่า ตัดต่อไป ออกอากาศไป

มันไม่ได้ขนาดว่า ตัดวันนี้ พรุ่งนี้ออก จะตัดวันนี้ อีก 2 อาทิตย์ถึงออกอากาศ ไม่อยากรีบ อยากใช้เวลาที่มีทำให้ออกมาดีที่สุด

ออกอากาศไปแล้ว ยังมีจุดที่เราอยากแก้ไขอีกไหม

พอมาเห็น มันก็คิดอีกว่า น่าจะทำแบบนั้น แบบนี้ แต่ ณ เวลาที่ถ่าย มันก็เต็มที่แล้ว มันมีปัจจัยอีกหลายๆ อย่าง พอคิดว่า มันเต็มที่แล้ว เราก็ต้องยอมรับ

ให้เปอร์เซ็นต์ตัวเองในการเป็นผู้จัดครั้งแรก

(หัวเราะ) ผมคงขอไม่ให้เปอร์เซ็นต์ตัวเองดีกว่า อยากให้คนอื่นให้มากกว่า ถามว่าพอใจมากน้อยแค่ไหน ผมไม่เคยคิดที่จะบอกว่า งานเราออกมาดีมาก สุดยอด ส่วนใหญ่เวลาทำจะคิดว่า ทำให้เต็มที่ ผลจะออกมายังไงก็ไม่เป็นไร

วางแผนงานต่อไปแล้วหรือยัง

พล็อตเรื่องมีเยอะ เพียงแต่เราจะไปจับอันไหนออกมาให้มันจริงจัง เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากจับงานต่อไป เพราะงานเก่ายังค้างอยู่ เหลือตัดต่ออีกครึ่งเรื่อง อยากทำเป็นเรื่องๆ ไป ไม่อยากตั้งหน้าตั้งตา ผลิตงานเยอะๆ

เล็งไว้บ้างหรือยัง ว่าเป็นแนวไหน

มีเยอะ แต่ก็ยังไม่ได้วางไว้ เหมือนตอนนี้ถ้าเราคิดไว้ แต่พอเราเสร็จงานตัดต่อ ช่วงเวลา สถานการณ์บ้านเมืองมันก็เป็นตัวแปรที่เปลี่ยนไป

อยากทำละครแบบไหน

พูดยาก เริ่มแรกเวลาเราดูหนัง ทีวี เราก็อยากทำไปหมด แต่เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนไปหมด

ตั้งเป้าไว้ไหมว่า ปีหนึ่งจะต้องผลิตกี่เรื่อง

เคยคิดไว้ แต่มันก็ไม่เคยได้ ตั้งแต่สมัยที่เล่นละครแล้ว

เรื่องแรกค่อนข้างประสบความสำเร็จ คิดว่าจะส่งผลกับเรื่องต่อไปอย่างไร

ก็คือถ้ามองกว้างๆ น่าจะมีผลกับเรื่องต่อไป ในแง่ของการติดต่อนักแสดงมาเล่น เขาก็จะรู้ว่า ไม่ได้เอาเขามาทิ้งๆข้างๆ เรื่องที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ตัวละครแต่ละตัวที่เล่นออกมาชัด แม้กระทั่งคนที่มีบทเล็กๆ น้อยๆ เลยคิดว่า น่าจะเป็นเครดิตที่ดีในเรื่องต่อไป

คำว่า ผู้จัด ในความคิดแอนดริว ต้องเป็นอย่างไร

คือถ้าเปรียบเทียบกับทุกอาชีพ มันก็คือเถ้าแก่ เหมือนเราทำกิจการหนึ่งขึ้นมา เราฟอร์มทีม เป็นเจ้าของโปรเจคท์ เราต้องดูแลทุกอย่าง หากเราได้ทีมงานที่แข็ง ไม่ได้หมายความถึงผมคนเดียว หมายถึงภาพกว้าง หากได้คนที่มาเป็นแขนขาเรา ปล่อยเขาไปคิดได้เลย เราก็ไม่ต้องกังวลมาก แต่ถ้าเราได้ทีมงานที่อ่อน เราก็ยังต้องคิดตรงนี้อยู่ มันก็จะงานหนักมาก เป็นเรื่องปกติ ตัวผมเรื่องแรกด้วย บางคนทำมาเป็นสิบๆ ปี กว่าจะได้ทีมรู้ใจ ผมเรื่องแรกก็ต้องมีการปรับ แต่ละคนมาจากหลายที่ก็ต้องปรับเข้าหากัน ไม่ใช่ผมคนเดียว เป็นเรื่องปกติ

คิดว่าอะไรทำให้งานออกมาดี

ทีมงานทุกคน นักแสดงทุกคนตั้งใจทำงาน ผมรู้ว่าเขาเหนื่อยกัน ถ้านับเวลาที่ทำงานก็ 7-8 เดือน ถือว่านาน แต่ถ้าเกิดพูดถึงเวลาที่ตัวผมทำงาน ตั้งแต่คิดเรื่องก็ 2 ปีแล้ว

จะเป็นผู้กำกับเองด้วยไหม

วันหนึ่งข้างหน้าถ้าพร้อม แต่เรื่องนี้งานมันโหลด เล่นเองด้วย ดูเองด้วย



งานเบื้องหน้า

กับงานแสดงล่ะเป็นอย่างไรบ้าง

ก็ยังอยากเล่นละครอยู่ ระหว่างที่ถ่ายทำเรื่องนี้ก็มีเข้ามา แต่เราอยากทำให้มันเสร็จเป็นเรื่องๆ ไป กลัวว่าเดี๋ยวของตัวเองเละ ของคนอื่นเละด้วย

เป็นผู้จัดเรื่องแรกทำกับช่อง 3 จำเป็นไหมว่า ต่อไปงานแสดง หรือทำละครเรื่องใหม่ก็ต้องทำกับที่นี่ ณ เวลานี้เราทำอยู่กับเขา มันก็คงเป็นมารยาท เราก็คงต้องคุยกับเขาก่อน แต่ว่าผมคิดว่า ไม่มีผล และไม่มีใครรู้อนาคต ผมก็เห็นหลายๆ คนย้ายกันไป ย้ายกันมา ผมก็คิดว่า มันไม่ใช่เรื่องโกรธกัน มันเป็นธรรมชาติของวงการที่ต้องมีการสลับสับเปลี่ยน แล้วเดี๋ยวก็วนมาเจอกันอยู่ดี ใจผมคิดไว้ว่า ตัวผมเองโตมาจากช่อง 7 วันหนึ่งก็อยากจะกลับไปรับใช้คุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีด์) อยู่เมื่อมีโอกาส


ชีวิตส่วนตัว


เมื่อก่อนทุกคนจะรู้ว่า แอนดริว มีโลกส่วนตัวเยอะ พอมาเป็นผู้จัดต้องปรับบุคลิกหรือไม่ ยากไหม

มันลำบากเหมือนกัน จากเมื่อก่อนด้วยงานทำให้เราต้องอยู่กับตัวละคร อาจจะเกี่ยวข้องกับคนเยอะก็จริง แต่มันไม่เหมือนกัน เป็นนักแสดงดูแลแค่ตัวละครตัวเอง บทที่ได้รับ พอมาเป็นโปรดิวเซอร์ หรือผู้จัด คนเยอะ มากคนก็มากความ มันก็ต้องปรับตัวเองพอสมควร ต้องพยายามพูดมากขึ้น คิดว่า เราอยากได้อะไรเราก็ต้องพูด เมื่อก่อนเล่นอย่างเดียว เราเห็นคนอื่น แต่มันไม่เกี่ยวกับเรา เราต้องรู้ว่า เราควรจะพูดไหม เราอยู่ของเราดีกว่า

ทัศนคติเปลี่ยนไปไหม

ไม่เปลี่ยน คิดว่าเหมือนเดิมนะ

นอกจากงานตรงนี้ทำอะไรอีกบ้าง

ก็ตัดต่ออย่างเดียว งานตัดต่อกินเวลาเยอะจริงๆ ไม่ได้ทำทั้งวัน ทั้งคืน แต่ทำเป็นช่วงเวลานานๆ พอกลางวันพัก ตื่นขึ้นมาก็ไปดูต่อ ผมกังวล ชอบทำเองหมดเป็นนิสัย ไม่รู้จักผ่อนคลาย สมัยก่อนเล่นละครวันปิดกล้อง เสร็จแล้ว เราได้พักแล้ว พอทำเองปิดกล้องคนอื่นเฮ แต่เราก็ยังไม่เสร็จ เรารู้ว่า เรายังต้องทำอะไรต่ออีก

ชีวิตว่างๆ ทำอะไร

มันแล้วแต่ช่วงด้วย ช่วงไหนเราหัวโล่งๆ สบายใจ เราก็คงจะพักผ่อน เที่ยว คงจะอ่านหนังสือ แต่ช่วงนี้พอนอนกลางวัน ตื่นกลางวัน มันตื้อ เหมือนไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ พอเราจะไปเที่ยวไปอะไร บางทีมันก็หงอยๆ ไปเรื่อยๆ อยู่นิ่งๆ ดีกว่า

แล้วถ้ามีเวลาว่างพักผ่อนจริงๆ ล่ะ

เที่ยว ดูหนัง อ่านหนังสือ คือบางทีเขาติดต่อละครมา เอาเรื่องมาให้อ่านก็ต้องอ่าน แต่ถ้าเวลาเที่ยว ผมเป็นคนชอบไปต่างจังหวัด ถ้ามีโอกาส ทุกครั้งที่ไปได้ก็อยากไป แต่ก็ต้องชวนเพื่อนไปด้วย ส่วนใหญ่เพื่อนก็จะว่างไม่ตรงกัน

ถ้าจะให้พูดถึงตัวเอง แอนดริว เป็นคนอย่างไร

(หัวเราะ) มันคงลำบากถ้าจะให้บอกว่าตัวเองเป็นยังไง มันคงต้องยกตัวอย่าง เช่น ถ้าผมเพิ่งรู้จักใคร ผมก็จะไม่ค่อยคุย แต่ถ้าเริ่มรู้จักไปพักหนึ่งก็จะเริ่มรู้จักผม มันชัดมาก จะให้บอกตัวเองเป็นยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน

วางแผนชีวิตไว้ไหม

ไม่ คือผมไม่เคยวางแผนอะไรไว้ ก็มีคิดเล่นๆ ว่าจะทำโน่นทำนี่ แต่ไม่รู้เมื่อไร ไม่ได้กำหนดเวลา ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เด็กส่วนใหญ่พ่อแม่ก็จะถามว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เวลาคนถามผมจำได้ว่า ผมไม่รู้ ไม่มีในหัวด้วย เห็นคนอื่นตอบกัน ผมก็พยายามหามาตอบ อะไรพูดแล้วดูดี ก็ตอบไป

เป้าหมายในชีวิต

ไม่ได้มอง ที่สุดก็คือ ตาย หรือก็เหมือนกับทุกคนอยากอยู่สบาย ไม่อยากทำงานเยอะ แต่พอไม่ทำงานก็ดูตัวเองไม่มีค่า พอทำงานเยอะก็อยากจะพัก พอพักเยอะๆ ก็ดูตัวเองไม่มีค่าอีก

ทุกวันนี้ทำงานเพื่ออะไร
ทำเพราะอยากทำ ถ้าถามว่าทำเพื่ออะไร งานในวงการก็ทำเพื่อคนดู ผมไม่ได้พูดเพื่อเอาใจอะไร แต่ถ้าจะทำงานในวงการก็ต้องเพื่อคนดู


เรื่องของหัวใจ

ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีข่าวเรื่องความรักเลย

ทำไมเหรอ...กลัวว่าจะรู้อีกที ลูกผมก็โต รับปริญญาแล้ว แบบนั้นเหรอ

มีคนที่คบหาดูใจกันอยู่ไหม

ไม่หรอก ถ้าได้เข้ามาอยู่กับผม จะรู้ว่า เวลาที่ทำงานไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นจริงๆ ทีมงานก็เห็น

แล้วอยากมีไหม

อยากเป็นเรื่องปกติ แต่มันยังไม่พร้อม รู้ว่าถ้าเราไปเริ่มสร้างความสัมพันธ์ มันก็จะไม่มีเวลาให้กัน เดี๋ยวก็คุยกันนิดหน่อยแล้วต่างคนต่างไป ผมคิดว่า ผมคงมองหาอะไรที่จริงจังเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า ไม่คิดว่า จะสนุกสนาน ฆ่าเวลาไป

เมื่อไรจะพร้อมล่ะ

ผมไม่อยากจำกัดตัวเอง เหมือนเป็นค่านิยมที่บอกว่า เรียนจบอายุเท่านี้ อายุเท่านี้มีครอบครัว อายุเท่านี้มีลูก ผมไม่ได้ซีเรียสหรอก อาจจะเริ่มต้นมีตอนอายุ 40 ก็เป็นไปได้ แต่คนที่จะมาก็ต้องรับได้ด้วยนะ (หัวเราะ)

นิยามความรักของแอนดริวเป็นอย่างไร

มันคงเป็นเรื่องที่จะต้องอดทนกันเยอะ ถ้าเปรียบเทียบแค่คนที่จะมาทำงานด้วยกันนาน ยังต้องยอมปรับตัวเองเข้าหากัน ต้องทนบางอย่าง ผมเลยคิด ว่าถ้าคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิต มันต้องเจอยิ่งกว่านั้น ต้องเจอกัน 24 ชั่วโมง คงต้องอดทนกันอีกเยอะ เป็นเรื่องใหญ่กว่านี้อีก

มีสเปคไหม

สเปค (หัวเราะ) สูง ยาว ขาว หมวย ผิวคล้ำ ดำดี ไปเรื่อยๆ ไม่ตายตัว บางทีเจอคนที่ใช่ ก็ใช่

ที่บ้านถามถึงไหม

ไม่หรอก เขาไม่ค่อยพูด ตั้งแต่สมัยเรียน แม่พูดแค่ว่า จะมีแฟนก็ให้เรียนจบก่อน เขาไม่บังคับ ไม่ซีเรียส ไม่มานั่งถามว่า แต่งงานเร็วๆ แม่อยากเห็นหลานแล้ว ไม่มี

เขาแหละ...แอนดริว เกร้กสัน



หนุ่มคนนี้ชื่อ "แอนดริว เกร้กสัน"

ชื่อจริง แอนดริว ชาลี เกร้กสัน

ชื่อเล่น แอนดี้

เกิด 1 กันยายน 2521

ผลงานเรื่องแรก ภาพยนตร์โฆษณาฮานามิ

ภาพยนตร์เรื่องกองร้อย 501 ริมแดง

ละครสิบหนึ่งเพื่อนกัน

ผลงานสร้างชื่อ ธรณีนี่นี้...ใครครอง


เรื่อง สิริรัตน์ แซ่เบ๊

ภาพ วริศรา วุฒิกุล
 
Top