Ploy plays as a old woman who work in the entertainment industry and Mario plays a young handsome boy who lives in the countryside.
The beginning summary of the story but not the the whole storyline
ส่วนคู่นี้ ก็คงแน่นอนแล้ว สำหรับ 'มาดามดัน'
พลอย รับบท 'มาดามพุซซี่' และ มาริโอ้ ในบท 'เนกษ์'
หนังสือยังมีจำหน่ายที่
www.groovebooks.com พร้อมส่วนลด 15% และลายเซ็น 'พงศกร' ทุกเล่ม
มาดามดัน
:: นวนิยายชิคลิทสุดแซ่บจาก 'พงศกร'
:: ดาราเค้าให้ข่าวกันแล้วนี่นะ งั้นเราเอามาบอกอีกที
:: พลอย รับบท มาดามพุซซี่-มาดามดัน ส่วนนายแบบหนุ่มรูปหล่อหน้าใหม่ใสกิ๊ง- มาริโอ้ เมาเร่อร์ ครับ
:: เรื่องนี้ 'พงศกร' เล่าเรื่องผ่านตัวละคร 3 ตัวครับ คือ มาดามพุซซี่, เนกษ์ และแพรรตี (แพตตี้) ขอบอกว่าแซ่บอ่ะ
ส่วนหนึ่งจาก >> เนกษ์
ผมเห็นท่าทางของผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เริ่มกลัว ไม่ใช่เพราะไม่เคยชินกับเพศหญิงหรอกนะครับ ผมอายุสิบเจ็ด ผ่านอะไรมาพอสมควร
อ้ะ...สารภาพกับคุณตามตรงก็ได้ว่า ผมน่ะเปิดซิงกับสาวต่างโรงเรียน เรียบร้อยไปตั้งแต่อายุสิบห้าแล้วละครับ อย่าถามต่อนะครับว่าครั้งแรกของผมเป็นยังไง เอาเป็นว่าผมได้เรียนรู้แล้วละว่า ในโลกของเราใบนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่สนุกกว่าในห้องเรียนเยอะเลย
“อ้าว อ้าว เนกษ์ขา จะหนีไปไหน มามะ กลับมาคุยกันก่อน” แววตาที่คุณพี่มองผมเหมือนกับอยากจะกลืนกิน
“ไม่ได้หรอกพี่ บอลจะแข่งอยู่แล้ว” ผมรีบหาข้ออ้าง ก่อนที่จะโดนผู้หญิงประหลาด ลวนลามไปมากกว่านี้
ขณะกำลังละล้าละลังว่าจะทำยังไงต่อไป ก็เหมือนโชคช่วย เพราะกรรมการเริ่มเป่านกหวีดให้สัญญาณ เรียกกัปตันทีมของทั้งสองโรงเรียนไปตกลงเลือกแดนกันที่กลางสนามพอดี
“พี่กลับไปเหอะ อย่ารอไอ้เนกษ์มันเลย” พัลลภเห็นผมมีท่าทางอึดอัด จึงช่วยตะโกนบอกคุณพี่เสื้อชมพูให้
“ไม่กลับ เรื่องอะไรจะกลับคะ ยังไม่ทันได้สัมภาษณ์ประวัติชีวิตกันเลย” คุณพี่แต่งหน้าจัดคนนั้นยังไม่ยอมแพ้ เธอตะโกนไล่หลังผมมาว่า “ยังไงพี่จะรอนะค้า เตะบอลเสร็จแล้วเจอกัน รักนะ จุ๊บ จุ๊บ”
“เฮ้อ” ผมถอนใจออกมาดังๆ ทำให้รู้ไปว่ากำลังรำคาญ พร้อมกันนั้นความกังวลก็เริ่มแทรกตัวขึ้นมา เพราะเหลือบไปเห็นสายตาของแพตตี้กำลังจ้องเขม็ง มองดูพฤติกรรมระหว่างผมกับพี่ผู้หญิงคนนั้น
แต่พอได้ลงสนาม เลี้ยงลูกกลมๆ หลบคู่ต่อสู้ วิ่งไปวิ่งมาจนเหงื่อออกชุ่มกาย ผมก็ลืมเรื่องผู้หญิงประหลาดคนนั้นไปชั่วคราว จนกระทั่งพักครึ่งเวลา พัลลภก็เดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับบอกว่า
“เฮ้ย เนกษ์ กูนึกออกแล้วว่ะ ว่ายัยนั่นเป็นใคร” เพื่อนผมพยักหน้าไปทางคุณพี่เสื้อสีชมพู ซึ่งนั่งเชียร์อยู่ติดขอบสนาม พร้อมกับโบกพัดขนนกสีแสบตาไปมา
“ใครวะ” ผมทำหน้าเหลอหลา
“มาดามพุซซี่” พัลลภตอบเสียงดังฟังชัด
“มาดามตุ๊ดซี่เหรอวะ” ผมหัวเราะก๊าก
“ไม่ใช่ตุ๊ดซี่” พัลลภพลอยหัวเราะไปด้วย “พุซซี่ตะหาก มาจากพุชที่แปลว่าผลักน่ะ”
“แล้วเป็นใคร มาหากูทำไม ท่าทางหื่นชะมัด” ผมแอบชำเลืองมองไปทางมาดามพุซซี่ที่เจ้าพัลลภว่า ก็เห็นว่าเธอกำลังมองมาทางผมอยู่เช่นกัน สายตาที่มาดามอะไรนั่นจ้องมองมาวาววามราวจะกลืนผมเข้าไปทั้งตัว
“มึงนี่ช่างไม่รู้อะไรซะเลย” พัลลภตบหัวผมป้าบใหญ่ “มาดามพุซซี่เป็นผู้จัดการดาราเชียวนะเว้ย พี่แอ้ม พี่ตริณ พี่ขนมจาก น้องโญโญ่ ดาราดังๆ ล้วนอยู่ในสังกัดเขาทั้งนั้น ลงเจ๊แกมาลูบๆ คลำๆ แบบนี้ สงสัยมึงจะได้โกอินเตอร์แล้วว่ะเนกษ์ เจ๊จะเอาอะไรมึงก็ยอมๆ ไปเหอะ”
“เฮ้ย” ผมรีบส่ายหน้า “ถ้าต้องไปนอนกับยัยมาดามอะไรนี่ เพื่อแลกกับการโกอินเตอร์ กูไม่เอาด้วยหรอกนะ แค่นึกก็เหี่ยวแล้ว”
“ไอ้บ้า ลามกนะมึง กูว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” พัลลภส่ายหน้า ท่าทางเต็มไปด้วยความครุ่นคิด “ที่เจ๊แกลูบๆ คลำๆ มึงอะ คงอยากสำรวจสินค้ามากกว่า ว่าคุ้มค่ากับการจะเอาไปปล้ำ เอ๊ย ปั้นหรือเปล่า เพราะดาราหนุ่มๆ เดี๋ยวนี้หล่ออย่างเดียวไม่พอ ต้องฟิตแอนด์เฟิร์มด้วย”
“มึงคิดว่าเจ๊จะปั้นกูเป็นดาราเหรอ” ผมยังไม่หายมึน บุคลิกอย่างผมเนี่ยนะจะเป็นดาราได้ แค่จะออกไปยืนพูดหน้าชั้นยังสั่นเลย
“จะไปรู้เหรอ” พัลลภส่ายหน้า
“ไม่เอา ไม่เป็น” ผมส่ายหน้าดิก “กูไม่ชอบ”
“ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้หรอกเนกษ์” พัลลภพูดอย่างครุ่นคิดเกินวัย
“ถ้าดวงมึงจะต้องเป็นดารา หนียังไงก็ไม่พ้นว่ะ”
“โนเวย์” ผมยังคงยืนกราน
“เอาเหอะ” พัลลภยุ “เดี๋ยวเตะบอลเสร็จก็ลองไปคุยกับเจ๊แกดูก่อน มึงอยากหาเงินไปหาพ่อที่ฝรั่งเศสไม่ใช่เหรอ ค่าตั๋วแพงนะเว้ย ทำงานกี่ปีถึงจะเก็บเงินได้ แต่ถ้ามึงเป็นดารา ทำงานแป๊บเดียวก็ได้ค่าตั๋วไปกลับแล้ว แถมยังมีเงินเหลือไปชอปปิงอีกต่างหาก”
พ่อ...ฝรั่งเศส...
คำพูดของพัลลภทำให้ผมต้องนิ่งคิด
แม่เพิ่งเล่าความจริงให้ผมฟังเมื่อไม่นานมานี้ว่า ที่จริงแล้วผมไม่ใช่ลูกของท่าน แต่มีคนเอาผมใส่ตะกร้ามาทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน พร้อมกับจดหมายบอกว่าพ่อของผมเป็นชาวฝรั่งเศสชื่ออังเดร ในจดหมายมีที่อยู่ระบุเอาไว้เสร็จสรรพ
ส่วนแม่ตัวจริงของผมเป็นใครนั้นไม่ได้พูดถึง พ่อกับแม่ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดรู้สึกสงสาร กลัวว่าผมจะหนาวตายไปเสียก่อนก็เลยเอามาเลี้ยงเป็นลูกจนเติบใหญ่ โดยที่ผมไม่เคยรู้เลยว่า แท้ที่จริงแล้วตัวเองเป็นลูกนกกาเหว่าที่คนเขาเอามาทิ้งไว้ให้แม่กาเลี้ยง
นี่ละชีวิตของผม...น้ำเน่าไหมครับ