ลมหวน 12/3/2549
ตอนที่ 1(ต่อจากวานนี้)
แม่จันทร์เพื่อนแม่ขาวทำงานซักรีด
อยู่ในสถานสงเคราะห์
แม่จันทร์ไม่ได้เป็นใบ้เหมือนแม่ขาว
แต่ก็ใช้ภาษามือได้ดีเยี่ยม
วันนี้ขณะที่แม่จันทร์เข็นรถใส่ผ้าขนหนูจะเอาไปเก็บ
พอผ่านมุมตึกก็พบเกี๋ยง-คำมาดักรออยู่
เกี๋ยงคำเป็นพี่เลี้ยงลมหวนตั้งแต่เล็ก
เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่อง
เธอเข้ามาจูงมือแม่จันทร์พาไปคุยในมุมลับตาคน
เกี๋ยงคำซักถามถึงลมหวนอย่างห่วงใย
แม่จันทร์พูดหน้าเศร้าว่า
ยังโดนพวกมันรังแกเหมือนเดิม
พลางก็ถามว่า
จะลงมือเมื่อไหร่ เกี๋ยงคำตอบทันทีว่า
คืนนี้ ให้บอกแม่ขาวด้วย
ถึงมันจะดูเหลวไหลแต่ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
แม่จันทร์พยักหน้าก่อนแยกกันไป
เกี๋ยงคำเดินไปทางห้องสันทนาการ
แอบมองลมหวนนั่งปั้นดินน้ำมันเล่นอยู่กับเพื่อนๆ
เกี๋ยงคำน้ำตาคลอ เวทนาและห่วงใยลมหวนเป็นที่สุด
ตกกลางคืน วกุลนอนกระสับกระส่าย
ข่มตาไม่หลับได้สักที จึงตัดสินใจลงไปเดินเล่นรับลม
ครู่หนึ่งเธอเห็นเงาคนวิ่งผ่านพุ่มไม้ไป
วกุลรีบเดินตามไปด้วยความสงสัย
แล้วสิ่งที่เธอแอบไปเห็นก็ทำให้อึ้งไปอย่างงุนงง
ภายในบ้านตุ๊กตา
แม่ขาวกับเกี๋ยงคำอยู่ในชุดชาวเผ่านั่งคุกเข่า
อยู่ข้างหลังพ่อหมอที่กำลังขมุบขมิบปากสวดอะไรอยู่ไปมา
ข้างหน้าพ่อหมอมีโต๊ะตัวหนึ่งวางตุ๊กตาดินปั้นไว้สามตัว
พอพ่อหมอท่องมนต์จบก็ชักมีดออกมากรีดลงบนฝ่ามือตัวเอง
วกุลมองภาพเหล่านั้นด้วยใจระทึก
และมั่นใจว่าพวกเขาต้องทำพิธีกรรมอะไรสักอย่าง...
ooooooo
เช้านี้ วกุลเจอแม่ขาวในห้องที่ใช้เป็นสำนักงาน
ภายในบ้านแบรดเล่ย์ เธอทักทายด้วยดี
แต่แม่ขาวตาขวาง มองปากที่เธอพยายามบอกให้รู้ว่า
เธอชื่อวกุล
มาทำงานที่นี่...แม่ขาวจับความได้
จึงส่งภาษามือพร้อมเสียงอู้อี้แบบคนใบ้...
ไม่สนว่าเธอเป็นใคร อย่ามายุ่งกับตน
วกุลไม่เข้าใจที่แกพูด
ถามว่าป้าเขียนหนังสือได้ไหม แม่ขาวไม่ตอบเรื่องนี้
ส่งภาษามือไล่ตะเพิดลูกเดียว
วกุลไม่เข้าใจที่แม่ขาวพูด
แต่พอจะเข้าใจอารมณ์
หงุดหงิดปนรำคาญที่ผ่านออกมาจากภาษากาย
วกุลยังไม่ละความพยายาม
ตื๊ออยากเป็นมิตรด้วยจริงๆ ยิ่งทำให้แม่ขาวโมโห
พอดีเดโชเข้ามาเห็น
ตวาดแม่ขาวซะหน้าบึ้งออกไป
วกุลรีบบอกเดโชอย่าว่าแกเลย
เธอไปยุ่งกับแกก่อนเอง
"นังแก่นี่มันบ้าๆบอๆครับ
คุณวกุลอย่าไปยุ่งกับมันเลยครับ
เกิดมันบ้าขึ้นมาจะทำร้ายคุณเข้าให้"
"คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งคะ"
"นี่ครับ สำหรับการทำงานวันแรกครับ"
เดโชเปลี่ยนอารมณ์กะทันหัน ส่งช่อดอกไม้ให้หญิงสาว
"ขอบคุณค่ะ" วกุลรับมาตามมารยาท
แล้วเดินเลี่ยงไปที่โต๊ะทำงาน
สายวันเดียวกัน ลมหวนมองข้ามรั้วสถานสงเคราะห์
ไปเห็นคนขายลูกโป่งหลากสี เขายิ้มชอบใจ
แล้วเดินเรื่อยเจื้อยตามออกไปอีกฝั่ง
ถนนที่รถราวิ่งผ่านไปมา บางคันตกใจเบรกกึก
ตะโกนด่าว่าอยากตายหรือไง
ลมหวนเงอะงะไม่เข้าใจ
เดินตามคนขายลูกโป่งไปอีก
พยาบาลที่ดูแลลมหวนเพิ่งรู้ว่าลมหวนหายไป จึงวิ่งโร่
ไปบอกสมใจกับชุบ
คราวนี้เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่
ทั้งสามคนออกตามหาลมหวน
พอได้ตัวก็ทุบตีแล้วฉีดยาสลบจนลมหวนหมดฤทธิ์หยุดดิ้นรน
ตกกลางคืน วกุลโทร.คุยกับทิพยงค์
บอกเล่าถึงความแปลกประหลาดในบ้านแบรดเล่ย์
พอเลิกสายก็หยิบหนังสือ
ภาษามือมาศึกษาเพื่อเอาไว้สื่อสารกับแม่ขาว
ส่วนที่ห้องลมหวนในสถานสงเคราะห์
สมใจกับชุบกำลังบีบบังคับลมหวนให้กินข้าว
ลมหวนไม่ยอมโวยวายอาละวาดปาตุ๊กตาโดนหน้าชุบอย่างจัง ชุ
บเดือด ลากขาลมหวนไม่ปราณี
แล้วยัดข้าวใส่ปาก โดยมีสมใจช่วยด้วย
ยิ่งลมหวนอ้าปากร้อง ชุบก็ยิ่งยัดข้าวเข้าไป
จนไอสำลัก น่าเวทนา...
ooooooo
รุ่งขึ้น วกุลไปที่ห้องสมุดประจำจังหวัด
เพื่อค้นหาหนังสือเกี่ยวกับพิธีกรรมของชาวเขา
ซึ่งเธอเจอหลายพิธีกรรม
แต่ไปสะดุดสนใจที่พิธีสาปแช่งศัตรู...
ตอนบ่าย นักจิตวิทยานำแฟ้มรายงานผลการรักษาคนไข้
ในสถานสงเคราะห์ไปให้หมอพิชิต
พร้อมอธิบายว่า คนไข้ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น
อีกไม่นานคงกลับไปอยู่กับครอบครัวได้
ยกเว้นลมหวนที่น่าแปลกใจ
ทำไมถึงมีพัฒนาการค่อนข้างช้ามาก
ชุบกับสมใจยืนอยู่ในห้องด้วย สบตากันทันที
"ผมอยากจะลองทดสอบแกอย่างละเอียดอีกที
ผมว่าเราอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีรักษาแกนะครับ"
หมอพิชิตฟังแล้วหน้าเคร่ง ถามออกไปว่า
"คุณสังเกตพฤติกรรมของคุณลมหวนตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ก็เป็นเดือนแล้วล่ะครับ ข้อมูลทั้งหมดผมเขียนไว้ในแฟ้มแล้ว"
"ก็คงต้องลองดู เอ้อ...รายงานฉบับนี้คุณมีสำเนาไว้รึเปล่า"
"ไม่มีครับ ผมมีชุดเดียว"
"งั้นขอผมอ่านรายละเอียดก่อนแล้วเราค่อยนัดปรึกษากันอีกที"
"ครับคุณหมอ งั้นผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ"
นักจิตวิทยา ชุบและสมใจกลับออกไปพร้อมกัน
พิชิตเปิดแฟ้มหาข้อมูลของลมหวน
พอเจอก็รีบดึงแยกออกมาอ่านด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ก่อนจะขยำมันทิ้ง และต่อมาในตอนค่ำ
นักจิตวิทยาประจำสถานสงเคราะห์
ก็ถูกคนร้ายสองคนแทงตายขณะเดินกลับบ้านพักในซอยเปลี่ยว
วกุลเจอแม่ขาวในบ้าน
เธอพยายามส่งภาษามือที่ฝึกฝนมาว่า อยากคุยกับแก
แม่ขาวกลับส่งภาษามือตอบว่า อย่ายุ่ง
ถ้าไม่อยากเดือดร้อน แล้วเดินเลี่ยงไปทันที
วกุลไม่เข้าใจภาษามือนั้น
รีบวิ่งกลับไปเปิดหนังสือดู
แล้วพึมพำอย่างสงสัยหนักหนาว่า
ทำไมเธอจะต้องเดือดร้อนด้วย...
ooooooo
เช้าอีกวัน วิเชียรมาที่บ้านแบรดเล่ย์
เจอหน้าวกุลจึงถามว่าเดโชมายุ่งวุ่นวายบ้างหรือเปล่า
วกุลตอบยิ้มๆว่า
มาขายขนมจีบบ้างนิดหน่อย
แต่เดี๋ยวก็คงเลิกไปเอง เพราะสาวๆของเขาเยอะมาก
เธอต้องสับรางให้แทบไม่ทัน
วิเชียรจึงแซวว่า นี่แหละคือหน้าที่หลักของเลขาฯ
จากนั้นวิเชียรพูดเรื่องนักจิตวิทยาถูกฆ่าตาย
วกุลตกใจ รีบดึงวิเชียรไปคุยกันในมุมลับตา
เธอบอกเขาว่า
เคยเห็นแม่ขาวกับพวกอีกสองคนแต่งตัวเหมือนชาวเขา
ทำพิธีอะไรสักอย่างอยู่ในบ้านตุ๊กตา
มีกรีดเลือดที่ฝ่ามือด้วย
ซึ่งพอจะรู้ว่าเป็นพิธีสาปแช่งศัตรู
"คนอย่างแม่ขาวจะมีศัตรูที่ไหนกันล่ะ"
วิเชียรแปลกใจ
"กุลถึงพยายามหัดภาษามือไว้สื่อสารกับแม่ขาวไงคะ"
"พี่วีระเตือนไว้แล้วเชียวให้ระวัง วกุล ซีเอ็นเอ็น"
วกุลทำหน้างอนๆ หาว่ากัปตันวีระช่างเม้าท์
"แต่พี่ว่ากุลอย่าไปยุ่งกับแม่ขาวแกเลยนะ
แกอาจจะสติไม่ค่อยดีก็ได้"
"กุลว่าแกปกติดีนะคะ
แต่เหมือนแกมีความเจ็บแค้นอะไรสักอย่าง"
"คงเพราะแกจงรักภักดีกับตระกูลแบรดเล่ย์มากนั่นล่ะ
ขนาดเจ้านายตายไปตั้งนมนานแล้ว
แกก็ยังดูแลข้าวของให้อย่างดี อย่างบ้านตุ๊กตานั่นไง"
"แล้วเค้าสร้างไว้ทำไมคะ"
"คุณแบรดเล่ย์กับคุณปันสี
คิดว่าจะได้ลูกสาว เลยสร้างบ้านตุ๊กตาไว้ให้เล่น
แต่กลับได้ลูกชาย เด็กเกิดมาดันพิการทางสมองซะอีก"
"ป้าสายเคยเล่าให้ฟังทีนึงแล้วค่ะ น่าสงสารนะคะ
ตอนนี้เด็กคงอยู่ที่บ้านสงเคราะห์ของเราสิคะ"
"ครับ แต่แกไม่ใช่เด็กแล้วล่ะ 25 แล้ว
อายุมากกว่ากุลซะอีก"
"ว่างๆ กุลจะไปเยี่ยมแกบ้างได้มั้ยคะ"
"ได้สิ แต่ระวังหน่อยแล้วกัน
แกไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนแปลกหน้า
งั้นเดี๋ยวพี่ลงมาคุยด้วยต่อนะ ไปพบ
คุณท่านก่อน"
"ค่ะ"
ขณะเดียวกัน ที่สถานสงเคราะห์
หมอพิชิตพาเมธี
นักจิตวิทยาคนใหม่มาแนะนำกับเจ้าหน้าที่
จากนั้นพาไปดูคนไข้ที่มีลมหวนรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
ลมหวนเห็นคนแปลกหน้าก็ออกอาการหวาดผวาไม่กล้าเข้าใกล้
เมธีใจเย็น ลงนั่งพูดคุยด้วย
แต่ถูกลมหวนปัดมือและตวาดเสียงดังว่า
ไม่ต้องยุ่ง ไม่ฉีด กลัวแล้ว ไม่ฉีดๆ
ว่าแล้วก็กระถดตัวถอยไปซุกใต้ม้านั่ง สะอื้นตัวโยน
"เมธีถอยมานี่ก่อนเถอะ" หมอพิชิตเอ่ยขึ้น
ส่วนพยาบาลเข้าไปดึงลมหวนออกมา
ปรากฏว่าลมหวนกลัวจนฉี่ราด
กางเกงเปียกเป็นทางไปแล้ว
พยาบาลจับมือลมหวนแน่นพาเดินออกไปโดยเร็ว
"เค้ากลัวอะไรก็ไม่รู้นะครับ"
"คนนี้ล่ะครับ ลมหวน หลานชายพ่อเลี้ยง"
เมธีมองตามลมหวนไป สีหน้าติดใจสงสัย...
ตอนบ่าย
วกุลเข้ามาในครัวพบว่าแม่ขาวไม่สบายตัวร้อนมาก
วกุลพยายามจะช่วยดูแล
แต่แม่ขาวกลับเดินหนี ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ...
ขณะนั้น ที่ห้องสันทนาการ เมธียิ้มแย้มเข้ามาหา
ลมหวน พยายามจะผูกมิตรให้ได้
เขาแนะนำชื่อตัวเอง และรับรองว่าไม่ทำร้าย
ลมหวนไม่พูดด้วย
เขยิบตัวหนีไปเล็กน้อย
เมธียังไม่ละความพยายาม
หลอกล่อชวนเล่นรถแข่ง
ในที่สุดลมหวนก็ยอมเข้าหาเล่นด้วย
ชุบกับสมใจจับตามอง
แล้วชำเลืองมองกันเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เหมือนกังวลอะไรบางอย่าง...
ooooooo
(อ่านต่อพรุ่งนี้)
ลมหวน 14/3/2549
ตอนที่ 2(ต่อจากวานนี้)
ขณะอยู่ที่ปางไม้ด้วยกัน
นายเดชแอบถามข้อมูลของวกุลจากวิเชียร
ซึ่งได้คำตอบว่า
วกุลเคยทำงานเป็นแอร์ฯ
รู้จักกับพี่ชายของวิเชียรที่เป็นกัปตัน
และพี่ชายก็รับรองว่าเธอนิสัยดี
เป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูง
"แล้วทำไมลาออกมาซะล่ะ"
"วกุลเค้าลาออกตามแม่บุญธรรมมาอยู่ที่นี่น่ะครับ
พอแม่เธอเสียผมก็เลยแนะนำงานเลขาฯ
คุณเดโชให้...พ่อเลี้ยงมีอะไรรึเปล่าครับ"
"อ๋อ เปล่าหรอก
ฉันเห็นเจ้าเดโชมันก็สนใจแม่หนูคนนี้อยู่ คุณก็รู้
เดโชมันก็ไม่ค่อยเอาไหน
ฉันเป็นห่วง กลัวว่าต่อไปมันจะเอาตัวไม่รอด
หนูวกุลเค้าเป็นคนดี
ขยันทำงาน กิริยามารยาทเรียบร้อย
ถ้าเดโชได้กับคนดีๆ
มันอาจจะกลับเนื้อกลับตัวบ้างก็ได้"
"ไม่เร็วไปหน่อยเหรอครับพ่อเลี้ยง
คุณเดโชอาจจะแค่เห่อของใหม่ก็ได้"
"ไม่เร็วล่ะ ฉันมันแก่แล้ว
เดี๋ยวไม่ทันเห็นหน้าหลาน"
วิเชียรได้แต่ปั้นยิ้มอย่างไม่รู้ความนัยลึกๆเลยว่า
ที่นายเดชถามนั้นมันมีอะไรมากกว่าเรื่องรักๆใคร่ๆของลูกชาย
ในขณะที่วกุลไปอยู่ที่ปางไม้นั้น
สมคิดได้แอบเข้ามาในห้องวกุล
แต่ต้องชะงักเมื่อพบสาวใช้อยู่ในห้อง
เก็บผ้ามาใส่ตู้ให้วกุล พอถูกสาวใช้ถาม
สมคิดกลบเกลื่อนว่าเข้ามาหาเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ด่วน
จากนั้นก็ให้สาวใช้ที่ทำงานเสร็จแล้วออกไปก่อน
แม่ขาวเห็นสมคิดลับๆล่อๆแต่แรก
พอเห็นสาวใช้กลับออกไปก็ยังยืน
มองผ่านช่องประตูที่แง้มไว้ด้วยความสงสัย...
ตอนหัวค่ำ ฝนโปรยเม็ด
นายเดชแวะไปที่สถานสงเคราะห์
ให้ชุบไปพาลมหวนมาพบที่ห้องรับแขก
ลมหวน ออกอาการกลัวชุบทุกครั้งที่ใกล้กัน
กว่าจะเอาตัวมาได้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
แถมชุบยังไม่มีทีท่ายำเกรง
เมื่ออยู่ต่อหน้านายเดช กำชับดุดันลมหวนไม่ให้ดื้อ
ก่อนจะกลับออกไปตามที่นายเดชสั่ง
นายเดชยิ้มแย้มพูดจากับลมหวน
และเอาช็อกโกแลตที่รู้ว่าเป็นของชอบของลมหวนมาให้
ลมหวนมีท่าทีหวาดๆ ค่อยๆคลานเข้ามา
นายเดชหยิบช็อกโกแลตส่งให้กินเม็ดหนึ่ง
ลมหวนยิ้มชอบใจในรสชาติ
มองนายเดชอย่างเป็นมิตร
"ลุงไม่ดีเอง ทำแต่งาน ไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเราเลย
ลุงรักแล้วก็เป็นห่วงลมหวนมากนะลูก"
"กินอีกนะ" ลมหวนขออีก
"กินเลย ลุงซื้อมาให้ลมหวนทั้งกล่องนี่ล่ะ"
ลมหวนยิ้มแย้มนั่งกินช็อกโกแลตจนปากเปรอะ
กำลังเพลินๆก็สะดุ้งเฮือกผวา
เพราะนายเดชวางมือลงบนหัว
"ลุงไม่ได้ทำอะไร ไม่ต้องกลัวนะ"
พูดไปลูบไปอย่างเอ็นดู "ลมหวน จำเอาไว้นะหลาน
ไม่มีใครรักแล้วก็หวังดีกับลมหวนเหมือนลุงอีกแล้ว
แล้วก็ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับลมหวนเท่าที่นี่
ถ้ามีใครคิดจะพาลมหวนหนีออกไปจากที่นี่อีก
ลมหวนต้องอย่าไปนะลูก"
"ไม่ ลมหวนไม่ไป" ลมหวนพูดพร้อมพยักหน้าหงึกๆ
"ดีมาก หลานลุงต้องว่าง่ายแบบนี้สิ
แล้วลุงจะเอาช็อกโกแลตมาให้กินบ่อยๆนะ"
ลมหวนยิ้มสบายใจ
กินช็อกโกแลตอย่างเอร็ดอร่อย ...
ขณะนั้น วกุลเพิ่งกลับเข้าห้อง
พอเปิดไฟสว่างก็สะดุ้งสุดตัว
ที่เห็นแม่ขาวมายืนรออยู่กลางห้อง แม่ขาวหน้าเครียด
ส่งภาษามือบอกกล่าววกุลว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย
พวกมันสงสัยคุณแล้ว ให้รีบไปจากที่นี่
แล้วอย่ากลับมาอีก
วกุลแม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็พอจับความได้
จึงอยากรู้ว่าพวกมันคือใคร
แม่ขาวไม่บอก เอาแต่ไล่ให้ไปจากที่นี่เร็วๆ
ว่าแล้วก็ผลุนผลันออกไป
ทิ้งให้วกุลครุ่นคิดสงสัย...
ooooooo
ตอนที่ 3
เช้าวันเสาร์
เมธีกับวกุลไปเจอกันที่ตลาดโดยบังเอิญ
เมธีจำวกุลได้ว่าเป็นเลขาฯของเดโช
ที่เคยมาเยี่ยมลมหวน จึงเข้ามาทักทายเธอก่อน
จากนั้นก็แนะนำตัวเองเป็น
นักจิตวิทยาที่สถานสงเคราะห์ วกุลยิ้มเป็นมิตร
ชวนคุยเรื่องอาการของลมหวนที่อาละวาดเธอในวันนั้น
"ผมก็เพิ่งมาทำงาน ได้เห็น
อาการแกแบบนั้นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน
ปกติคุณลมหวนแกก็คุยรู้เรื่องนะครับ แต่..."
"แต่อะไรคะ"
"เอ่อ มันอธิบายยากครับ
เป็นแค่ข้อสงสัยของผมฝ่ายเดียวเท่านั้นเอง
พูดไปมันก็ไม่ดี"
วกุลเงียบไปอย่างใช้ความคิด
มีแผนในใจจะล้วงความลับ
"ฉันก็มีข้อสงสัยอยู่เหมือนกันค่ะ
แต่ก็ไม่รู้จะปรึกษากับใคร เพราะคนอื่นๆ
เป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ทั้งนั้น"
"ยกเว้นผม"
"แล้วก็ฉันอีกคน"
"เราเดินคุยกันไปทางโน้นดีกว่าครับ"
เมธีเดินไปคุยไป
เขาตั้งข้อสงสัยว่าหมอพิชิตอาจจะเลี้ยงไข้ลมหวน
วกุลไม่เข้าใจ
เมธีจึงขยายความต่อไป
"ผมว่าคุณลมหวนแกไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
...ผมไม่เข้าใจ
ทำไมคุณลมหวนถึงได้เดี๋ยวดี
เดี๋ยวร้ายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยได้ขนาดนี้
ผมเคยขอทดสอบทางจิตวิทยากับคุณลมหวน
จริงๆอยากจะขอทดสอบไอคิวด้วยซ้ำไป
แต่หมอพิชิต
ไม่ยอมท่าเดียว"
"คุณเลยคิดว่าหมอพิชิตเลี้ยงไข้ไม่อยากให้
คุณลมหวนหาย"
"ครับ"
วกุลคิดตาม ผสมเรื่องราวในหัว แล้วเอ่ยขึ้น
"ฉันอยาก ไปเยี่ยมคุณลมหวนอีกจังเลย
พอจะมีทางมั้ยคะที่จะไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต"
"ก็พอมีครับ ผมทำเรื่องขอให้มีการบำบัดคนไข้ด้วยเสียง
ดนตรีไป ผู้บริหารเพิ่งอนุมัติมา
คุณพอจะเล่นดนตรีเป็นบ้างมั้ย ล่ะครับ อะไรก็ได้"
"เป็นค่ะ ฉันพอเล่นกีตาร์ได้"
"งั้นก็หมดปัญหา
ผมเชิญคุณเป็นอาสาสมัครเลยก็แล้วกัน"
"แล้วฉันจะเริ่มไปได้เมื่อไหร่คะ"
"บ่ายนี้คุณว่างมั้ยล่ะครับ"
"ว่างค่ะ" วกุลรับคำอย่างตื่นเต้น
ตกตอนบ่าย วกุลกับเมธีไปที่ห้องสันทนาการ
แจกขนมให้คนไข้ วกุลพยายามเอาใจลมหวน
แต่ดูเหมือนลมหวนจะไม่อยากเข้าใกล้เธอเลย
พอเธอตื๊อหนักเข้าเขาก็ผลักไสต่อต้าน
แล้วเลี่ยงออกไป เมธีจึงให้กำลังใจวกุลว่า
ลมหวนยอมรับคนใหม่ๆยาก
ตอนเขาเพิ่งมาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
กว่าจะยอมได้ก็ต้องหลอกล่อกันน่าดู...
"แต่คุณลมหวนแกชอบฟังเพลงนะครับ
เหมือนแกเข้าใจเนื้อร้องได้ดี
บางทีพรุ่งนี้แกอาจจะสนใจคุณขึ้นมาก็ได้"
"ฉันก็หวังยังงั้นค่ะ
ยังไงวันนี้ฉันขอยืมกีตาร์กลับไปซ้อมหน่อยนะคะ"
"ได้เลยครับ...เอ้อ มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะเตือนคุณ"
"ระวังนายชุบกับสมใจไว้หน่อย
สองคนนี่ชอบเข้ามาขวางเวลา
ผมจะสนิทสนมกับคุณลมหวน
เค้าคงเป็นคนของหมอพิชิตส่งมาสอดส่องพวกเรา"
"ค่ะ" วกุลรับคำ
แล้วหันไปมองลมหวนด้วยสีหน้าสงสัย อยากค้นหา
ส่วนแม่จันทร์ที่อยู่อีกด้าน
แอบจับตามองวกุลกับเมธีอยู่ตลอด...
ooooooo
ทันทีที่วกุลกลับมาถึงบ้านก็ถูกสมคิดดักถามว่า ไปเที่ยวไหนมา
วกุลตอบตามตรงว่าไปสถานสงเคราะห์ มา
สมคิดชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะพูดยิ้มแย้ม
"วันหยุดทั้งทียังอุตส่าห์ไปทำบุญอีกเหรอครับ
แล้วเป็นไงมั่งครับ ได้เจอคุณลมหวนรึเปล่า"
"เจอค่ะ แต่ท่าทางคุณลมหวนอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยนะคะ"
"ก็ยังงี้ล่ะครับ คุณลมหวนมีอาการทางสมอง
อารมณ์ก็อาจจะแปรปรวนง่ายเป็นธรรมดา
แต่คุณวกุลนี่ก็เข้ากับคนพิการเก่งนะครับ
วันก่อนผมเห็นคุยภาษามือกับแม่ขาวได้ด้วย
ไปเรียนมาจากไหนเหรอครับ"
"ฉันเรียนเอาเองจากตำราของคุณแม่น่ะค่ะ
อยากจะคุยกับแม่ขาวให้เข้าใจ"
"เหรอครับ แล้วได้ผลมั้ยครับ"
"ก็พอใช้ได้ค่ะ แม่ขาวแกน่ารักนะคะ
แต่บางครั้งก็หงุดหงิดง่ายอยู่เหมือนกัน"
"ยังไงก็ระวังแกหน่อยนะครับ แกสติไม่ค่อยดี"
"แม่ขาวน่ะเหรอคะ"
"ความจริงผมก็ไม่อยากพูดให้คุณวกุลกลัวหรอกนะครับ
แกเคยบีบคอเด็กรับใช้คนก่อนเกือบตายเลยนะครับ
จนลูกจ้างรุ่นนั้นกลัว
พากันลาออกไปจนหมด
พ่อเลี้ยงท่านก็ใจดี
น่าจะส่งโรงพยาบาลบ้าไปซะก็สิ้นเรื่อง
เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แกจะบ้าขึ้นมาอีก
ผมถึงเตือนให้คุณวกุลระวังไว้
ถ้าไม่จำเป็นคุณวกุลก็อย่ายุ่งกับแกเลยนะครับ"
วกุลมีสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่ก็ขอบคุณสมคิดที่เป็นห่วง...ครั้นพอเช้าอีกวัน
สมคิดยิ่งมีท่าทีระแวงที่เห็นวกุลถือกีตาร์ขึ้นรถไปกับเดโช
ซึ่งเขาอาสาไปส่งให้ที่สถานสงเคราะห์
เมธียิ้มแย้มออกมารับวกุลและจะช่วยถือกีตาร์ให้
เดโช มองไม่ชอบใจเมธี
ออกอาการหวงวกุล
สวนไปห้วนๆว่าไม่ต้อง ไม่หนักอะไร
เมธีเลยหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย
วกุลรีบแก้บรรยากาศ
ถามเมธีว่าเด็กๆพร้อมกันหรือยัง
พอเมธีตอบรับ เธอจึงเดินคู่ไปกับเขา
แต่เดินไปไม่กี่ก้าว เดโชก็มาแทรกกลาง
(อ่านต่อพรุ่งนี้)
ลมหวน 15/3/2549
ตอนที่ 3(ต่อจากวานนี้)
ภายในห้องสันทนาการ
คนไข้พิการทางสมองนับสิบนั่งรอฟังเพลง
จากเมธีและวกุล เมธีเล่นกีตาร์
วกุลเป็นผู้ร้อง
ซึ่งเธอขอเลือกเพลงที่เคยร้องให้แม่ในวันเกิด
และหวังว่าทุกคนคงจะชอบเพลงนี้ด้วย
ลมหวนนั่งฟังกับเพื่อนๆ
อารมณ์เขาเศร้าคล้อยตามเนื้อเพลงที่วกุลร้องจนน้ำตาซึมออกมา
ขณะที่วกุลยิ่งร้องก็ยิ่งคิดถึงมิสโรส
น้ำตาคลอไม่รู้ตัว บางครั้งเสียงขาดช่วงไปบ้าง
และสุดท้ายถึงกับเสียงสั่น
คอตีบตันร้องไม่ออก ลมหวนเห็นดังนั้น พานร้องไห้ตาม
สะอึกสะอื้นไปด้วย
เย็นนั้น ลมหวนนั่งเหม่ออยู่ริมรั้วสถานสงเคราะห์
มีเด็กมาเล่นฟุตบอลแถวนี้แล้วทำลูกฟุตบอลหล่นเข้ามา
เด็กวิ่งมาเห็นลมหวนก็ร้องเรียกว่าพี่
ช่วยหยิบบอลให้หน่อย ลมหวนทำหน้าเหรอหรา
ฟังเด็กย้ำแล้วย้ำอีก ถึงได้หยิบบอลโยนไปให้
จากนั้นก็เห็นแม่ของเด็กคนหนึ่งเดินมาจูงมือพากันกลับไป
ลมหวนตามสองแม่ลูกตาละห้อย
ทันใด สมใจพรวดเข้ามากระชาก
แขนลมหวนเซล้มลงกับพื้นหญ้า โดยมีชุบยืนมองอย่างสะใจ
ทั้งคู่ดุด่าหาว่าลมหวนคิดจะหนี
ลมหวนร้องไห้หวาดกลัว
ถูกสมใจกระชากให้ลุกขึ้นมา
ชุบได้จังหวะตบเข้าที่หัว
ลมหวนยิ่งร้องใหญ่ ชุบรำคาญเงื้อมือขึ้นอีก
"ร้องๆ เดี๋ยวตบคว่ำเลย ไป...
ไปไกลตีนเลย น่ารำคาญ โตเป็นควายแล้ว
สะอึกสะอื้นอยู่นั่นแหละ"
"ไป เข้าไปข้างใน" สมใจตวาดซ้ำ
ลมหวนกลัวตัวสั่น วิ่งตุปัดตุเป๋กลับเข้าข้างใน
ชุบกับสมใจมองตาม
แล้วหันมายิ้มให้กันอย่างพอใจในผลงานที่ได้รับบัญชามา...
ooooooo
นายเดชเข้ามาที่สถานสงเคราะห์ในตอนเช้า
ดูแฟ้มรายงานของคนไข้พร้อมรับฟัง
ความเป็นไปของลมหวนจากหมอพิชิต ซึ่งนายเดชทราบว่า
นักจิตวิทยาคนใหม่นำดนตรีมาบำบัดคนไข้
พิชิตรีบพูดเยาะหยันว่าคงไม่ได้ผลอะไรเท่าไหร่
แต่เห็นว่าอยากลองนักก็เลยให้ลอง
ระหว่างนั้น ชุบฉุดดึงลมหวนมาที่ห้อง
พร้อมกับตวาดดุด่าราวกับลมหวนเป็นทาส
พอลมหวนเข้ามาเห็นนายเดชก็ฟ้องแบบเด็กถูกรังแก
นายเดชปลอบลมหวน
ก่อนจะหันไปดุชุบที่ขึ้นเสียงกับหลาน
ของตนขนาดนี้ ชุบหน้าเสียไปเหมือนกัน แต่
ยังอ้างว่า ลมหวนดื้อมาก
ถ้าไม่ดุเสียบ้าง สั่งอะไรก็ไม่ยอมฟัง
"แต่ลมหวนเป็นหลานฉัน
ฉันไม่ชอบให้ใครมาดุด่าหลานฉัน"
หมอพิชิตเห็นนายเดชขึงขัง
เลยหน้าเสียไปอีกคน รีบขอโทษนายเดช
และรับปากจะกำชับชุบไม่ให้ทำแบบนี้อีก...
ด้านวกุล มีโอกาสเหมาะเมื่อไหร่
เธอไม่รีรอที่จะเข้าไปยังสถานสงเคราะห์
วันนี้เธอเอาของเล่นไปแจกจ่ายคนไข้
ทุกคนกรูมาแย่ง
ยกเว้นลมหวนที่นิ่งเฉย
ท่าทางไม่ค่อยชอบวกุลนัก
สมใจเข้ามาเห็นวกุลก็ตำหนิว่า
จะทำอะไรทีหลังควรปรึกษาก่อน
ถ้าเด็กแย่งกันแล้วทำร้ายกันขึ้นมา
ใครจะรับผิดชอบ วกุลจ๋อยไปเล็กน้อย
สมใจเดินไปหยิบถุงของเล่นเดินไปนั่งที่เก้าอี้มุมห้อง
แล้วให้เด็กเข้าแถวเรียงหนึ่งมารับของ
ลมหวนไม่ไปต่อแถว
วกุลเดินยิ้มแย้มมาชวนคุย
ลมหวนพูดแต่ว่าไม่อยากได้ของเล่น
และหาว่าวกุลเป็นพวกเดโชที่ใจร้าย
วกุลรีบย้ำว่าของเล่นไม่ใช่ของเดโช เธอซื้อมาเอง แต่
ท่าทางลมหวนไม่เชื่อ
เอามืออุดหู แล้วร่ำร้องว่าเกลียดมันๆ
จากนั้นก็เดินหนีออกจากห้องไป
วกุลตามไปอธิบายอีกว่า เธอไม่ใช่พวกของเดโช
เธอเป็นลูกจ้างของเขา
เหมือนที่เมธีเป็น
คราวนี้ลมหวนรับฟังและย้อนถามว่า ไม่ได้โกหกนะ
วกุลยิ้ม ยกมือขึ้นสาบาน
ลมหวนรีบทำท่าประกอบการพูดทันที
"ให้...ให้ฟ้าผ่าเปรี้ยงเลยนะ"
"ค่ะ ให้ฟ้าผ่าเปรี้ยงเลย"
ลมหวนเริ่มยิ้มให้วกุล
พลันก็ต้องสะดุ้งที่สมใจเข้ามากระชากแขนลมหวนไปห้องเรียน
วกุลได้แต่มองตามลมหวนด้วยความสงสาร
ตอนบ่าย
วกุลกลับเข้าบ้านก็เจอเดโช
แสดงท่าทีราวกับเป็นเจ้าของไม่ใช่เจ้านาย
เดโชพูดจาหึงหวงวกุล เพราะรู้ว่า
ไปที่สถานสงเคราะห์มา
กลัวจะแอบนัดพบกับเมธี
วกุลไม่พอใจ เสียงแข็งใส่ไปบ้าง
"คุณเดโชคะ เรื่องส่วนตัวของฉัน
คุณไม่มีสิทธิมาก้าวก่าย ฉันจะไปไหน
นัดกับใครก็เรื่องของฉัน
แล้วฉันก็ไปในช่วงเวลาพักไม่ได้เบียดบังเวลาทำงาน"
เดโชไม่พอใจและอยากเอาชนะ
ถามออกไปว่า เขามีอะไรที่สู้เมธีไม่ได้
วกุลสวนทันควันว่ามีแน่
เมธีมีในสิ่งที่หาไม่ได้เลยในตัวเขา นั่นก็คือ
ความเป็นสุภาพบุรุษ
เดโชเจ็บใจจ้องวกุลเขม็ง วกุลจ้องตอบอย่างไม่กลัว
แล้วเดินขึ้นบ้านไป
ooooooo
ค่ำนั้น ลมหวนวิ่งเลิ่กลั่กหวาดกลัว
หมอพิชิตเข้ามาในห้องทำงานของเมธี
เมธีสงสัยมากว่าทำไมลมหวน
ถึงได้กลัวหมอพิชิตขนาดนี้
ลมหวนซุกตัวใต้ โต๊ะหลับตาปี๋
เมธีได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้ๆเข้ามา
จึงรีบไปยืนหน้าห้องและตอบคำถามพิชิตว่า
กำลังจะกลับพอดี
พิชิตจึงพูดด้วยอีกสองสามคำก่อนเดินเลยไป
เมธีกลับเข้ามาหาลมหวนที่ยังมีอาการหวาดผวา
ย้ำให้แน่ใจว่าหมอพิชิตไปแล้ว ออกมาเถอะ
เขาจะไปส่งที่ห้องนอนให้
ลมหวนพูดตะกุกตะกักซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า กลัวเจ็บ
เมธีต้องปลอบอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะยอมออกไป
คืนเดียวกัน แม่ขาวมาเคาะประตูห้องวกุล
ก่อนจะผลุบเข้ามาส่งภาษามือถามวกุลว่า
พรุ่งนี้จะไปเล่นดนตรีหรือเปล่า
พอวกุลตอบรับ แม่ขาวจึงยื่นสร้อยเขี้ยวเสือให้เธอ
ฝากเอาไปให้ลมหวนด้วย
มันเป็นของคุณปันสี เอาไว้ป้องกันอันตราย...
เช้าขึ้น ลมหวนอารมณ์ดี
แต่งตัวหวีผมผัดแป้งหน้าขาววอก
ชุบเข้ามาเห็น มองขำๆ
ก่อนถามเย้ยเยาะว่า
ลุกขึ้นมาผัดหน้าหวีผมแต่เช้า
จะแต่งไปอวดสาวที่ไหน ลมหวนไม่โกรธ
ย้อนถามว่าจะได้ฟังเพลงหรือยัง
ชุบย้ำว่าเดี๋ยวได้ฟังแน่ แต่ตอนนี้ต้องตามเขาไปก่อน
ชุบพาลมหวนไปที่ห้องตรวจโรค
ซึ่งหมอพิชิตกับสมใจรออยู่
ลมหวนเห็นหมอพิชิตก็ลนลานจะหนี
เพราะรู้ว่า ต้องถูกฉีดยาแน่
แต่ลมหวนดิ้นรนสุดแรงได้ครู่เดียว
ก็ถูกชุบกับสมใจช่วยล็อกตัวให้หมอพิชิต
ฉีดยาเข้าเส้นเลือดที่แขนจนได้
วกุลมาถึงห้องสันทนาการ
ทักทายเมธีที่พร้อมอยู่ก่อนแล้ว
แต่พอทั้งคู่เห็นลมหวนที่นั่งอยู่หลังห้อง
มีท่าทีเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นก็แปลกใจ
วกุลนึกว่าไม่สบาย เข้าไปเตะแขน
พลันลมหวนสะดุ้ง โวยวายแหกปากอย่างคลุ้มคลั่ง
ผลักวกุลล้มไปกับพื้น
จนคนไข้อื่นๆตกใจ ร้องวิ่งกันวุ่นวาย...แม้แต่
เมธีที่เข้ามาช่วยก็ถูกลมหวนตวาด
และจับบีบคอ...ชุบกับสมใจลับๆล่อๆอยู่หน้าห้อง
แทนที่จะเข้ามาช่วย กลับยิ้มสะใจ สมน้ำหน้า...
ตกเย็น วกุลกลับมาบ้าน
เจอแม่ขาวดักถามเรื่องสร้อยว่าให้ลมหวนไปหรือยัง
วกุลสื่อสารว่ายัง เพราะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
แม่ขาวทำท่าตกใจแล้วพาวกุลไปคุยในบ้านตุ๊กตา...
แม่ขาวเป็นมิตรกับวกุลมากขึ้น
และเชื่อใจว่าวกุลหวังดีกับลมหวน
จึงมอบแผนที่ให้วกุลยังที่แห่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือลมหวน
ใกล้ค่ำ เมธีแวะมาดูลมหวนที่ห้องขังพร้อมกับชุบ
เมธีเห็นลมหวนนอนขดตัวน่าสงสาร
ชุบเสียงดังกระโชกโฮกฮากสั่งลมหวนให้ลุกขึ้นไปอาบน้ำ
ลมหวนกลัวตัวสั่น ร่ำร้องว่า
ไม่ฉีดๆ เมธีแปลกใจ
ถามชุบว่าฉีดยาอะไรกัน แล้วฉีดบ่อยด้วยเหรอ ชุบหน้าเสีย
ตอบไม่ค่อยตรงคำถามว่า ไม่มีอะไรหรอก
ลมหวนแค่กลัวเข็มฉีดยา ว่าแล้วก็ลากลมหวนออกไป
เมธีมองตาม ยิ่งสงสัยมากขึ้นทุกที
ooooooo
สายวันรุ่งขึ้น
วกุลนำเรื่องแผนที่ไปบอกวิเชียรกับเมธี...
วิเชียรทักท้วงวกุลกับเมธีที่จะไปยังที่แห่งนั้น
เพราะเขาไม่ค่อยไว้ใจแม่ขาว
แต่วกุลขอเดินหน้าและให้วิเชียรเป็นคนนำทางไป
เมื่อไปถึงบ้านหลังนั้น ปรากฏว่าแม่จันทร์มาเปิดประตูรับ
บอกชัดเจนว่าเธอเป็นคนเขียนแผนที่ให้แม่ขาวเอง
แม่จันทร์พาทั้งสามคนเข้ามาในบ้านที่บรรยากาศอึมครึม
พ่อหมอที่วกุลเคยเห็นทำพิธีในบ้าน
ตุ๊กตากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นกระดาน
ข้างกันมีเกี๋ยงคำใส่ชุดขาวอยู่ด้วย
แม่จันทร์พาทั้งสามคนมานั่งตรงหน้า
"แม่ขาวบอกว่าคุณไว้ใจได้เลยส่งพวกคุณมาหาเรา
บางทีพวกเราอาจจะต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ"
เกี๋ยงคำเริ่มต้นขึ้นก่อน วกุล วิ
เชียรและเมธีชำเลืองมองกันอย่างระแวดระวัง
จากนั้นวกุลก็ซักถามเรื่องราวของลมหวน
ซึ่งทั้งเกี๋ยงคำและแม่จันทร์ยืนยันว่า
ลมหวนไม่ได้ป่วย แต่โดนพวกมันทำร้าย
ทั้งนายเดชและหมอพิชิต
และจากผลของพิธีสาปแช่งที่
พวกตนเพียรพยายามก็ทำให้นายเดชขาพิการไปแล้ว
วิเชียรทักท้วงแม่จันทร์และพวกน่าจะเข้าใจผิด
เพราะเขาทำงานกับนายเดชมานาน รู้จักท่านดี
เห็นท่านรักและเอ็นดูลมหวนมาก
"รักเงินคุณหนูมากกว่า"
แม่จันทร์พูดไปค้อนไป
"ฉันเป็นพี่เลี้ยงให้กับคุณปันสีตั้งแต่เธอเกิดจนเธอแต่งงาน
แล้วฉันนี่ล่ะเป็นคนเลี้ยงคุณลมหวนมากับมือ
ฉันขอสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผีปู่ผีย่า
คุณลมหวนไม่ได้ ปัญญาอ่อน คุณหนูเดิน
วิ่ง ยิ้ม หัวเราะ
และเริ่มหัดพูดได้เหมือนเด็กทั่วไป...จนพวกมันเข้ามา..."
เกี๋ยงคำพูดไม่ออก น้ำตาร่วงผล็อย
"คุณป้ากำลังจะบอกว่าคุณลมหวนเป็นปกติ
แต่ถูกส่งไปเลี้ยงรวมกับคนปัญญาอ่อนเหรอคะ"
"ใช่ พวกมันต้องการฮุบสมบัติของคุณท่าน
มันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากคุณหนูไม่พอ
พวกมันยังทำร้ายคุณหนู ให้ทุกข์ทรมาน"
"เป็นไปไม่ได้หรอก
ผมว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรซักอย่าง" ขาดคำของวิเชียร
เสียงพ่อหมอดังขึ้นทันที
"คุณเป็นพวกมัน เป็นทาสเงินของมัน"
"พวกคุณกลับไปได้แล้ว" เกี๋ยงคำตวาดไล่
ขณะที่แม่จันทร์เสริมว่า แม่ขาวมองคนผิดไปจริงๆ
พ่อหมอเสียงดังขับไล่อีก
พวกวกุลตกใจ จำต้องลุกขึ้น
แม่จันทร์ลุกตามไปส่งและย้ำหนักแน่นว่า
ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณอีกแล้ว...
ooooooo
(อ่านต่อพรุ่งนี้)