[Ch3] Roy Mai (Act Art)

ceda_lee

sarNie OldFart
I watched all my favorite JLR scenes last night. So very tired. Aff was so beautiful as Soraya. Suriya & Harit are two completely different characters...I love Aum!
 

Asy

sarNie Immature
I watched all my favorite JLR scenes last night. So very tired. Aff was so beautiful as Soraya. Suriya & Harit are two completely different characters...I love Aum!
Me too watch JLR again. I miss Harit and Soraya when I watch Roy Mai.

Yes, Harit and Suriyawong / Siriwong completely different person. But my love for them on the same level. I think the similarity between them is all them are protective over their love ones.
 

preetam

sarNie Oldmaid
I found this article about Roy Mai and it sounds like summary of next episodes :

เรื่องย่อละคร ตอนที่ 15มณีรินยังคงก้มหน้าก้มตาทอผ้าต่อไป บัวเงินเข้ามายืนมองพลางพูดแดกดัน แต่มณีรินทำเหมือนบัวเงินไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น ทำให้บัวเงินโกรธจัดคว้ามีดขึ้นมากำแน่น

“งานแต่งงานจะบ่มีวันเกิดขึ้นได้ดอก เพราะผ้าระยำผืนนี้จะบ่มีวันทอเสร็จ” บัวเงินปราดเข้ามาจะกรีดทำลายผ้า แต่คำเที่ยงเข้ามาแย่งมีดได้ พลางขู่จะฟ้องเจ้าศิริวัฒนา

บัวเงินกัดฟัน ตบหน้าคำเที่ยงเต็มแรงด้วยแรงโทสะ “ระวังตัวมึง ระวังนายมึงหื้อดีๆ มึงฮู้จักคนอย่างกูน้อยไปแล้ว อีขี้ข้า” บัวเงินกลับออกไป

คำเที่ยงหันไปทางมณีริน เห็นเธอนั่งทอผ้านิ่งเหมือนไม่รับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้

ooooooooo

บัวเงินกลับมานั่งร้อนรนอยู่ในเรือน ผีอีเม้ยคลานเข้ามาหาจึงโดนตวาดไล่

“มึงไปให้พ้นหน้ากู อีเม้ย มึงบ่เคยช่วยอะหยังกูหื้อสำเร็จสักอย่าง อีมณีรินมันตั้งหน้าตั้งตาทอผ้าผืนนั้น กูหันแล้วยิ่งปวดหัวใจ มันคงเร่งหื้อแล้วโวยๆจะได้แต่งงานกับผัวกู มึงเสียทีได้เป็นผีมีฤทธิ์ช่วยอะหยังกูบ่ได้เลย ไสหัวไป กูบ่อยากหันหน้ามึง อีผีอัปลักษณ์”

ผีอีเม้ยน้อยใจนัก ม้วนตัวเป็นก้อนมวลสารสีดำเทาหายไปในอากาศ เหลือทิ้งไว้แค่ขวดยาพิษที่เคยใช้กับเจ้าหลวงกลิ้งเข้ามาหาบัวเงิน

บัวเงินเอื้อมมือไปหยิบขวดยาพิษขึ้นมาพึมพำ “อีเม้ย...มึงจะบอกอะหยังกู...”

ooooooo

ดึกแล้ว มณีรินยังไม่หยุดทอผ้า โดยมีคำเที่ยงนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆ

“เจ้าริน...ดึกแล้วเน้อ...หยุดพักเสียบ้างเต๊อะ อย่าทรมานตัวเองจะอี้เลย” คำเที่ยงเอ่ย

“เฮาจะต้องทอหื้อแล้ว ทอหื้อแล้ว” มณีรินพึมพำพลางเขม้นมองงานในมือด้วยสายตาที่พร่ามัว แต่กลับเห็นภาพอดีตรักระหว่างตนกับเจ้าศิริวงศ์ ผุดพรายขึ้นมา

ด้านเจ้าศิริวัฒนาก็หันไปหาเหล้าเป็นเพื่อนปลอบใจ และเมื่อเมาได้ทีก็เพ้อวนเวียนอยู่แต่กับบาปที่ได้ก่อลงไป

“อ้ายบ่ได้ตั้งใจ เจ้าน้อย...ยกโทษหื้ออ้ายโตย อ้ายบ่ ได้ตั้งใจ...จะหื้ออ้ายยะจะไดถึงจะไถ่ไทษอ้ายได้เจ้าน้อย... น้องฮักของอ้าย” เสียงเจ้าศิริวัฒนาคร่ำครวญดังไปทั่วคุ้ม

วันต่อมา บัวเงินมาที่เรือนมณีริน มีเหล่าบริวารถือถาดอาหารตามมารับใช้ด้วย

“เร่งวันเร่งคืน หื้อถึงวันแต่งงานโวยๆ จนบ่ยอมหลับยอมนอนเชียวก๊ะ เจ้านางน้อย” บัวเงินทัก

มณีรินเงยหน้าขึ้นมอง บัวเงินรีบพูดต่อ “หยุดพักเอาแฮงเสียหน่อยเต๊อะ เจ้าอ้ายเปิ้นเป็นห่วงเจ้านางน้อยนักขนาด ส่งหื้อเฮามาคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ...กินเสีย เฮาตั้งใจยะกับข้าวลำๆมาหื้อ”

บริวารวางถาดอาหารลงให้บัวเงิน มณีรินมองเห็นหน้าบัวเงินเบลอๆไหวๆไปมา

“หม่อมมายะหยังแหม...” คำเที่ยงปราดเข้ามารู้ว่า บัวเงินไม่มาดีแน่

“มึงนี่ท่าทางจะความจำสั้น มึงจำบ่ได้ก๊ะ แม่เจ้ามอบหมายหื้อกูเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลทุกข์สุขของนายมึง กูก็มายะหน้าที่นั้นตามที่มีฮับสั่ง แม่เจ้าเปิ้นห่วงว่าผ้าผืนนี้จะทอ บ่แล้วทันวันแต่งงาน เพราะนายมึงบ่ยอมกินข้าวกินปลา กูยะกับข้าวลำๆมาหื้อนายมึงจะอี้ มึงต้องกราบตีน สำนึกบุญกูด้วยซ้ำ กินเสีย....เจ้านางน้อย”

“หม่อม อย่ามาบังคับจิตใจ เจ้ารินเปิ้นอีกคนนึงเลย เท่านี้เปิ้นก็เจ็บช้ำพอแล้ว”คำเที่ยงอ้อนวอน

บัวเงินไม่สนหยิบแก้วน้ำยื่นให้มณีรินบังคับให้ดื่ม คำเที่ยงเข้าขัดขวาง บัวเงินสั่งให้บริวารที่ติดตามช่วยกันจับคำเที่ยงไว้ แล้วตรงเข้าคว้าคอมณีริน

มณีรินที่อ่อนแรงอยู่แล้ว หมดปัญญาดิ้นรนขัดขืน บัวเงินกรอกน้ำใส่ยาพิษเข้าปากมณีรินจนหมดแก้ว

“ปล่อยกู....มึงยะหยังนายกู” คำเที่ยงตะโกนลั่น

บัวเงินผลักไสปล่อยตัวมณีริน “เป็นจะไดพ่อง พอจะมีแฮงขึ้นมาก่อ เจ้านางน้อย”

มณีรินหายใจกระชั้นแล้วไอออกมา เลือดกระเซ็นออกมาใส่ผ้าที่ทออยู่

“เจ้าริน...เจ้าริน” คำเที่ยงร้องเรียก

บัวเงินสาแก่ใจ เมื่อเห็นมณีรินเริ่มเจ็บปวดเพราะพิษยา

ooooooo

เจ้าศิริวัฒนาที่ยังเมาค้าง เดินสะดุดขาตัวเองล้มหัวทิ่มลงไปนอนกับพื้นหมดสภาพ สล่าพันเห็นเข้าก็รีบประคองออกมาพลางเอ่ยถามว่า จะไปไหน

“ตำหนักเจ้าริน” เจ้าศิริวัฒนาตอบ

“เจ้าเดินบ่ไหวดอก ผมจะไปส่งเจ้าเน้อครับ”

“เฮาบ่เคยนอนหลับเต็มตาสักคืน อ้ายพัน...เฮาหันเจ้าน้อยเปิ้นมานั่งร้องไห้อยู่ในห้องเฮา...ทุกคืน” เจ้าศิริวัฒนาเซออกไป

สล่าพันพูดไม่ออก รู้ดีว่ามันเป็นบาปกรรมที่ทำเอาไว้ จึงตามไปดูแล

เป็นเวลาเดียวกับที่มณีรินฟุบพับลงคากี่ทอผ้า เลือดไหลออกปาก

“จะไดบ่ทอต่อล่ะ เจ้านางน้อย ต้องเร่งมือเน้อ เดี๋ยวจะบ่ทันวันแต่งงาน” บัวเงินเย้ย

เจ้าศิริวัฒนากับสล่าพัน มาถึงพอดี

“เจ้าริน...จะไดเป็นจะอี้...เจ้าริน” เจ้าศิริวัฒนาประคองมณีรินขึ้น

“เปิ้นหักโหมบ่ยอมหลับยอมนอน ข้าวปลาก็บ่ยอมกิน ก็เป็นจะอี้ละเจ้าอ้าย” บัวเงินออกตัว

“มึงยะหยังเจ้ารินกันแน่บัวเงิน” เจ้าศิริวัฒนาไม่เชื่อ

“ข้าเจ้าบ่ได้ยะหยัง เจ้านางน้อยเปิ้นเป็นแม่ญิงที่เจ้าอ้ายฮัก น้องก็ต้องฮักเหมือนน้องสาวของน้องเหมือนกัน น้องจะคิดฮ้ายต่อเปิ้นจะได” บัวเงินทำเนียน

“กูบ่เชื่อมึงดอก อีบัวเงิน” เจ้าศิริวัฒนาตวาด

มณีรินสะดุ้งเฮือกขึ้นอย่างแรง เจ้าศิริวัฒนากอดเธอไว้พลางร้องสั่งให้สล่าพันไปตามหมอ

“เจ้าน้อย...เจ้าน้อย โตอยู่ที่ใดมาฮับเฮาโตย เฮากำลังจะไปหาโตแล้ว เจ้าน้อย...” มณีรินไขว่คว้าสุดแขน “เจ้าน้อย... ปิ๊กมาฮับเฮาโตย” มณีรินขาดใจ สิ้นลมพับลง

“เจ้าริน” เจ้าศิริวัฒนาตะโกนร้องสุดเสียงกอดร่างไร้วิญญาณของมณีรินไว้แน่น

ooooooo

“เรื่องน่าเศร้านี้ ไม่น่าเกิดขึ้นเลย” เรรินน้ำตาร่วงมือยังกำฟืมไว้

เจ้าศิริวัฒนายืนอยู่ที่ปลายอีกด้านของกี่ทอผ้าเอ่ยด้วยความเจ็บปวด “ฉันเคยบอกเธอแล้ว ว่าถ้าเธอได้รู้เห็นความจริงทั้งหมด เธออาจจะไม่อยากทอผ้าผืนนี้ต่อ เธอต้องเกลียดชังคนเห็นแก่ตัวอย่างฉัน”

“ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองกันทั้งนั้น”

ooooooooo
“และความทุกข์ของตัวเองก็มักจะสำคัญและยิ่งใหญ่กว่าความทุกข์ของคนอื่นเสมอ คนที่ก่อกรรมไว้อย่างฉันถึงต้องตกอยู่ในนรกที่ฉันเป็นคนสร้างขึ้นมาเองกับมือ ฉันเฝ้ารอให้เธอกลับมาปลดปล่อยพันธนาการนั้นด้วยการทอผ้าผืนนี้ให้เสร็จ”

“ฉันยินดีจะช่วยปลดปล่อยพันธนาการนั้นให้คุณค่ะ”

“ขอบคุณมาก...เจ้าริน ขอบคุณที่เข้าใจ”

ขณะที่เรรินคุยอยู่กับเจ้าศิริวัฒนา สุริยวงศ์ก็มาหาวันดาราและบอกเล่าเรื่องราวที่ตนไปเจอมาให้ฟัง

“ผมว่าผมหันกับตาว่าคุณรินเธอเข้าไปในห้องนั้นแต๊ๆ แต่พอผมเข้าไปผมก่อบ่หันเธอ ห้องนั้นมันบ่ได้มีตาง ออกตางไหน แล้วเธอจะหายไปได้จะไดครับปี้วัน”

“เรื่องเหลือเจื้อเหนือความจริงมันเกิดขึ้นได้เสมอ สุริยะ บางอย่างวิทยาศาสตร์ก่อพิสูจน์บ่ได้ แต่มันก่อเกิดขึ้น แล้ว” วันดาราเข้าใจ แต่สุริยวงศ์ยังสับสน

เสียงหัวเราะในลำคอต่ำๆ ของผีอีเม้ยดังผ่านอากาศมา วันดารากับสุริยวงศ์หันไปมอง ร่างผีอีเม้ยจางๆที่ยืนฟังอยู่มุมหนึ่งค่อยๆเลือนหายไป

ผีอีเม้ยกลับมาฟ้องบัวเงินว่า สุริยวงศ์ช่วยเปิดประตูให้เรรินเข้าไปทอผ้าต่อจนได้

“กูบ่นึกเลยว่า สุดท้ายแล้วคนที่กูฮักก็ทรยศต่อกูจนได้” บัวเงินแค้น

“ป่านนี้มันอาจจะทอผ้าเสร็จแล้วนะกะเจ้าหม่อม”

“มันปิ๊กมา ปลดปล่อยวิญญาณผัวกู อีเม้ย...กูบ่ยอมดอก เจ็ดสิบปีที่แล้วกูกำจัดมันได้ แล้วจะไดวันนี้กูจะยะจะอั้นบ่ ได้ ผัวกูจะต้องอยู่กับกูตลอดไป ผ้าระยำผืนนั้นมันต้องบ่ มีวันทอเสร็จ” บัวเงินวางแผนจัดการกับเรริน

บ่ายวันนั้น บัวเงินสั่งให้วงพระจันทร์พาธนินทร์มาหาที่เรือน แล้วนำน้ำชากลิ่นแปลกๆมาให้ดื่ม

ธนินทร์กลั้นใจดื่มชา รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนบางอย่างจะตีย้อนกลับขึ้นมา จึงวิ่งพรวดออกไปอาเจียนแต่อาเจียนไม่ออก เขาโก่งคอเต็มที่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างพันคอ จึงเอานิ้วล้วงเข้าไป เส้นผมสีดำยาวๆถูกดึงออกมา แต่ดึงเท่าไรก็ไม่หมด หนักเข้าก็กลายเป็นกระจุกมากขึ้น ครั้นดึงออกมาจนสุดโคน ปรากฏว่าหัวผีอีเม้ยทั้งหัวหลุดออกมาจากปาก มันแสยะยิ้ม ธนินทร์ถึงกับช็อก เมื่อหัวผีอีเม้ยจ่อติดหน้า

ผีอีเม้ยสำแดงฤทธิ์ มุดกลับหายเข้าไปในปากธนินทร์ เส้นผมยาวๆของมันไหลตามเข้าไปจนหมด ธนินทร์ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น

“คุณธนินทร์เป็นอะไรของคุณ” วงพระจันทร์ตามมาดู

บัวเงินเดินตามออกมาอย่างใจเย็น พลางเอ่ยถาม “ทุกอย่างเรียบร้อยก๊ะ”

ธนินทร์ค่อยๆ หันหน้ากลับมาทางวงพระจันทร์ โดยมีหน้าผีอีเม้ยซ้อนอยู่ทับหน้าธนินทร์

“เรียบร้อยกะเจ้าหม่อม” อีเม้ยในร่างธนินทร์ตอบ

วงพระจันทร์ตกใจแทบช็อก แต่ร้องไม่ออก

“มึงรีบไป” บัวเงินสั่ง

ธนินทร์ลุกพรวดขึ้น วงพระจันทร์ผงะถอยร้องถามธนินทร์ว่าเป็นอะไร แต่กลับได้ยินบัวเงินตวาด สั่งให้ไปส่งธนินทร์

“คุณย่าคะ เมื่อกี้วงพระจันทร์เห็น” วงพระจันทร์ยังคาใจ แต่เมื่อเห็นสายตาบัวเงินก็เปลี่ยนคำถามทันที “ส่งไปไหนล่ะคะ”

“มึงคอยฟังเปิ้น เปิ้นจะบอกมึงเองว่าไปที่ใด” บัวเงินตอบแล้วเดินออกไป

วงพระจันทร์จำใจขับรถพาธนินทร์ออกมาจากบ้านบัวเงิน และเมื่อรถแล่นผ่านตลาดที่มีของสดของคาววางขาย อีเม้ยก็ตวาดให้วงพระจันทร์จอดรถแล้ววิ่งลงไปสวาปามเครื่องในสดในร้านอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนในตลาด วงพระจันทร์ลงมาเห็นก็แทบช็อก

ooooooo

เรรินกระแทกฟืม ส่งไหมเส้นสุดท้ายพุ่งลงบนกี่

“เสร็จสมบูรณ์เสียที เจ้าคะ ฉันทอผ้าตุ๊มผืนนี้เสร็จแล้ว” เรรินมองหาเจ้าศิริวัฒนา พลันประตูถูกถีบเข้ามาอย่างแรงจนเรรินสะดุ้ง

“มึงนึกว่ามึงจะหนีกูรอดรึ อีมณีริน” ธนินทร์เข้ามาในห้อง

เรรินตกใจตาค้าง เป็นเวลาเดียวกับที่สุริยวงศ์ซึ่งงีบหลับอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงกระซิบของใครบางคนกระซิบเรียกเจ้าน้อยๆ ดังมาจากที่ไกลๆ เขากระสับกระส่าย เหมือนเสียงนั้นเรียกตนจึงลืมตาตื่นขึ้นมองหา แต่ไม่พบใคร

“เจ้าน้อย” เสียงนั้นดังขึ้นอีก

สุริยวงศ์ลุกพรวดขึ้นมองออกไป เห็นเจ้าศิริวัฒนาเป็นร่างจางๆ โปร่งแสงยืนอยู่มุมหนึ่ง ร้องบอกให้รีบไปช่วย เรรินที่คุ้มหลวง สุริยวงศ์ตะลึงตัวแข็ง มั่นใจว่าไม่ใช่ความฝันแน่

ด้านเรริน เธอถูกอีเม้ยในร่างธนินทร์พุ่งเข้าจับตัว “กูตามหาตัวมึงมาเมินแล้ว นายกูรอมึงอยู่ มึงต้องไปกับกูเสียดีๆ”

“เรื่องระหว่างเรามันจบแล้วธนินทร์ คุณไม่มีสิทธิ์มาบังคับฉันหรอก” เรรินดิ้นรนขัดขืน ทุบตีธนินทร์ แต่ดูเหมือนจะต้านแรงไม่อยู่ ธนินทร์กระชากตัวเรรินเข้ามาตบหน้าอย่างแรง แล้วลากตัวออกไปทางประตู

“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย” เรรินร้อง

บัวซอนเข้ามาตามหาเรรินในคุ้ม ได้ยินเสียงเรรินก็รีบวิ่งไปหา เธอเห็นธนินทร์ลากตัวเรรินออกมาจึงเข้าขวาง แต่โดนตบด้วยหลังมือสลบไป

“บัวซอน...บัวซอน” เรรินจะไปช่วยบัวซอน แต่ถูกธนินทร์ลากตัวออกไปนอกคุ้ม

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ธนินทร์ คุณจะพาฉันไปไหน” เรรินยังคงดิ้นรน

“ไปลงนรกไง” เสียงอีเม้ยตอบพลางเหวี่ยงเรรินกระเด็นไป

เรรินตะลึง เมื่อเห็นธนินทร์โน้มตัวลงมาหา แต่ใบหน้ากลับกลายเป็นผีอีเม้ย “กูบ่ได้ชื่อธนินทร์ กูชื่ออีเม้ย” ผีอีเม้ยหัวเราะก้องยื่นหน้าเข้ามาจ่อติดหน้าเรริน

เรรินกรีดร้องตกใจ หมดสติไปทันที

ผีอีเม้ยในร่างธนินทร์พาเรรินออกไปหาบัวเงินที่ริมน้ำ คลาดกับสุริยวงศ์ที่เพิ่งมาถึงไปเพียงนิดเดียว สุริยวงศ์เข้าไปหาเรรินในห้องทอผ้า แต่ก็ไม่พบใคร เขามองสภาพในห้องเหมือนมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นก็นึกห่วง จึงรีบตามออกไป และพบบัวซอนนอนหมดสติอยู่ สุริยวงศ์เข้าไปเรียก บัวซอนได้สติรีบบอกสุริยวงศ์

“คุณสุริยะช่วยด้วยเต๊อะเจ้า ผู้ชายคนหนึ่งจับตัว

คุณรินเปิ้นไป”

“ไปทางไหน” สุริยวงศ์มองซ้ายขวา พลันสายตาเหลือบไปเห็นปิ่นทองคำของเรรินร่วงอยู่บนพื้น สุริยวงศ์เก็บปิ่นแล้ววิ่งออกไปทางทิศนั้น

ooooooo

ที่ริมน้ำซึ่งเป็นจุดนัด ท้องฟ้าที่เปิดแจ้งอยู่ดีๆ กลับเหมือนมีเมฆดำทะมึน ก่อตัวและเคลื่อนเข้ามาบดบัง จนรอบๆตัวสลัวลง ร่างเรรินถูกวางลงบนท้องเรือ

“เม้ยได้ตัวมันมาหื้อหม่อมแล้ว กะเจ้า” เสียงอีเม้ยเรียกหานาย

เรรินค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วต้องผละลุกพรวด เมื่อเห็นบัวเงินเดินออกมาจ้องมองด้วยแววตาอาฆาต

“มึงไปแล้วบ่ไปลับ รนหาที่ปิ๊กมาหื้อกูต้องล้างมึงแหม อีมณีริน กูหันหน้ามึงแต่แรก กูก่อฮู้แล้วว่ามึงปิ๊กมาแก้แค้นกู มึงฝันไปเต๊อะอีมณีริน เพราะกูก่อจะขอจองเวรจองกรรมกับมึงกู่จาดไป จาดตี้แล้วมึงต๋ายด้วยน้ำมือกู แล้วจะไดจาดนี้กูจะล้างมึงแหมบ่ได้” บัวเงินก้าวเข้ามา

“คุณย่า...เจ้านางมณีรินท่านไม่เคยคิดอาฆาตจองเวร คุณย่าเข้าใจผิดแล้ว เจ้านางมณีรินท่านไม่เคยรักเจ้าศิริวัฒนาท่านไม่เคยคิดแย่งชิงกับคุณย่าเลย” เรรินอธิบาย

“มึงบ่ต้องมาจุ กูบ่เจื้อกำมึงหรอก มึงอยากเป๋น

พระชายาเปิ้น อยากเป๋นแม่เจ้าหื้อคนทั้งแผ่นดินกราบไหว้มึง บ่จะอั้นมึงจะทอผ้าผืนนั้นยะหยัง มึงบ่ได้ครองฮักกับผัวกู มึงก่อยังอุตสาห์ปิ๊กมาควักดวงใจ๋กู มึงบ่ฮู้กา กูฮักหลานกูขนาดไหน มึงกับสุริยะบ่มีวันได้สมหวังหรอก...อีเม้ย...มึงควักหัวใจ๋มันออกมากูอยากหัน” บัวเงินหันไปสั่งผีอีเม้ย

ธนินทร์ก้าวเข้ามาหาเรรินแล้วโถมเข้าบีบคอ บัวเงินยืนมองด้วยความสะใจ

ที่บนฝั่ง สุริยวงศ์ตามมาเห็นเหตุการณ์พอดี เขารีบว่ายน้ำมาที่เรือ แล้วปีนขึ้นไปถีบธนินทร์จนพลัดหลุดจากเรริน

“คุณย่าครับ คุณย่าจะยะอะหยัง”

“บ่เกี่ยวกับมึง มึงบ่มีวันได้ครองฮักกับอีนี่หรอก”

บัวเงินเกรี้ยวกราด

สุริยวงศ์เห็นท่าไม่ดีไล่ให้เรรินหนีไป เรรินคลานหนีไปทางหัวเรือ ธนินทร์จะตามตะครุบตัว แต่สุริยวงศ์เตะสกัดแล้วเข้าต่อสู้อย่างลืมตาย

ขณะที่เรรินเสียหลักล้มลง เพราะอ่อนเพลียประกอบกับเรือโคลงด้วยแรงลมและน้ำ บัวเงินก้าวตามเข้ามาจะแทงเรรินด้วยมีดสั้น

“คุณย่าทำบาปมามากเกินไปแล้ว พอเสียทีเถอะค่ะ

ความทุกข์ทรมานที่คุณย่าได้รับมันคือบาปในใจคุณย่าเอง”

“มึงบ่ต้องมาสั่งสอนกู มึงน่ะแหละยัดเยียดนรกมาหื้อกูถ้ากูจะต้องตกนรก กูบ่ยอมไปคนเดียวหรอก มึงต้องไปตวยกู” บัวเงินโถมเข้าจะแทง

เรรินปัดป้องสุดกำลังคมมีดที่กวัดแกว่งไปมา เฉือนเข้าแขนเรริน เมื่อเธอออกแรงผลักบัวเงินจนเซไป

ส่วนที่กลางเรือ สุริยวงศ์ถูกธนินทร์เล่นงานยับ เพราะผีอีเม้ยที่สิงอยู่มีพละกำลังมากกว่า มันคว้าคอสุริยวงศ์มาบีบแน่นหวังให้ตาย สุริยวงศ์เห็นหน้าผีอีเม้ยซ้อนอยู่บนใบหน้าธนินทร์ชัดเจน จึงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดดิ้นหลุด

ออกมา แล้วถอดสร้อยพระออกมา คล้องคอธนินทร์

ธนินทร์ดิ้นพราดๆ ร้องโหยหวนออกมาเป็นเสียง

อีเม้ย แล้วร่างของมันก็หลุดออกมาจากร่างธนินทร์

ooooooooo

อ่านต่อวันพรุ่งนี้ วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2554
ขอบคุณเรื่องย่อจาก ไทยรัฐออนไลน์

Gosh Monday and Tuesday are so far !
 

sarN

sarNie Granny
I just love the proud expression from the princess LOL in the aftermath , how she was smilling from ear to ear and caress the prince in her lap hahaha , as if she was the man who just took a young lady virginty hahaah not the other way around hahaha . And she admitted she fall in love with him at first sight ! So , the scene where the prince clean his face at the martket she already thought he was sexy because she was look as if she was blown away hahah
 

fun

Expired Sarnie
You know who I hate the most in this lakorn... it's not Bua Ngern. It's not Mei. It's not Kamtieng. It's not Thanin. It is the King and Queen of Chiang Mai. They lost both sons because they were just so stupid, saying it is for the country this and country that but in the end it does shit to their country. I wonder when Maneerin died, did a war break out between the two country. Heck if my daughter was put in that situation, hell is coming their way. Excuse my language, I know that Bua Ngern does not qualify to receive any sympathy but the innocent child is pure. Aren't they like the King and Queen, shouldn't they have more than one doctor in the freaking damn palace. They are the cause of Bua Ngern selfishness, not that it's an excuse for Bua Ngern but still I kind of dislike them.

Okay off to finish episode 11. Just had to vent out my frustration.
 

preetam

sarNie Oldmaid
I love how Maneerin is so "p'ek" in the lakorn. I love how she said "I love my man" . It sounds too much like a P'ek saying "I love my wife". And how Siriwong is the "N'ek" here. Look at the way he is conflicted like a N'ek -the farther, the closer-, the way he lays on Maneerin's lap and the way he look at her "thank you for loving me".
 

fun

Expired Sarnie
Okay I just finished episode 11 and I had to LOL because I did want the King dead... Bua Ngern finally thought of killing the right people, the King and the Queen of Chiang Mai... not that it is a good thing or the right thing to do but at least she got the right people. Maneerin does not want Jao Chai. If only she was smart enough to kill them first. Gosh I sound like a total itch haha.
 

preetam

sarNie Oldmaid
I understand what you mean because if I were in Bua N'guern place, facing a girl more beautiful, loved, ladylike than me maybe I would act like she does. Still Bua N'guern and Mei must taste their own medecine.
 

fun

Expired Sarnie
Haha I meant feeling like a b*tch because I want the King and Queen dead. I see that they are the main reason why this problem has escalated. But then you know we wouldn't have Roy Mai if the King and Queen was not portray as dimwits.
 

preetam

sarNie Oldmaid
They don't bother me particularly but May must town down the way she talks. Physically she suits the character but when she talks she is annoying especially when she say "Mei" it sounds like "Maaaaaih".
 

JennieN

sarNie Adult
I don't thin any of the character in here bother me or irritate me except for the ghost is scaring me but other than that....I don't really hate anybody even the villian which is weird. i guess my main focus is ATEAM and I don't really pay attention to other as much
 

ilovelola

sarNie Egg
My favorite part from ep 11 is when Maneerin was mad :whatever: that Siriwong didn't show up to collect wild silkworms with her and she walked through the forest muttering and cursing him that wherever he was and whatever he was doing that he wouldn't be happy :lolyup:
Girl, no man would enjoy collecting worms :ghehe:
Love the Princess, if anyone was complaining that Aff keeps getting wimpy cry baby roles, she sure showed them here :clap:
 

fun

Expired Sarnie
That's bc her wimpy roles were annoying. Definitely not this one though.
 

Cupid Candy

sarNie Coma
The only roles i didn't like from Aff was PlaiFah in PSR and Euy in JR. Both were annoying and you wanna slap them. I think Aff is pretty diverse with her roles, she played a tomboy (Ah Yong), a bratty only child (Wanida), a mouthy prisoner (Soriya), an innocent country child (Sai Mai). Her roles were pretty different from one another so i'm not gonna complain.
 
Top